วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

กลยุทธ์ "ปิดฟ้าข้ามทะเล" ยุทธวิธีและการปฏิบัติ

       ที่มาของคำว่า "ปิดฟ้าข้ามทะเล" กลยุทธ์แรกใน "36 กลยุทธ์แห่งชัยชนะ" คราวนี้ขออรรถาธิบายต่อ ว่ายุทธวิธีของกลยุทธ์นี้มีอย่างไรบ้าง
 คำ ว่า "ปิด" ในที่นี้แปลว่า ทำให้ไม่เห็น หรือทำให้ไม่ทราบ หรือสร้างภาพลวงเพื่อปกปิด คำว่า "ข้าม" ในที่นี้หมายถึง ทำภารกิจให้ลุล่วงไปได้ "ปิดฟ้าข้ามทะเล" จึงหมายถึง
 "การ สร้างภาพลวง สร้างสถานการณ์หลอก โดยปกปิดความจริงบางประการ ทำให้ข้าศึกเกิดความคุ้นชิน จนเกิดความละเลยหละหลวม ไม่เตรียมการป้องกัน ไม่ระวังตัว เพื่อฉวยโอกาสในการโจมตี หรือเพื่อบรรลุผลบางประการ"
 ดัง เช่นที่ "ซิยิ่นกุ้ย" และเหล่าขุนนางปกปิดมิให้ "ถังไท่จง" รู้ว่ากำลังประทับอยู่บนเรือลำใหญ่ แต่สร้างภาพให้เข้าใจว่าอยู่ในหมู่บ้านบนพื้นดินธรรมดาๆ เป้าประสงค์ในการทำให้กษัตริย์หายเมาคลื่น เลิกกลัว และเดินทางข้ามทะเลจนถึงฝั่ง จึงบรรลุผลสำเร็จได้ หากถังไท่จงทรงรู้ว่าตัวเองอยู่บนเรือ อาการหวาดวิตกและท้อแท้ต่อการเดินทางก็คงไม่หมดไป ที่สุดย่อมเดินทางไม่ถึงโกกุเรียว
 ในการทำศึกสงคราม ก็เช่นเดียวกัน แม่ทัพผู้ชาญศึกย่อมต้องมีการ "ปกปิด" ข้าศึก หรือแม้แต่ "ปกปิด" พวกของตน ไม่ให้ได้ทราบ "ความจริง" ในบางเรื่อง บางครั้งจำเป็นต้อง "หลอกลวง" สร้างสถานการณ์ ก็เพื่อให้เป้าหมายของพวกตนเป็นผลสำเร็จ
 ที่ คุ้นเคยกันที่สุดในประวัติศาสตร์จีนก็คือ พวกขันที หรือเหล่าขุนนางกังฉิน พยายามเป่าหูฮ่องเต้ ถวายข้อมูลผิดๆ สร้างข้อมูลเท็จ ปกปิดความจริงไม่ให้องค์จักรพรรรดิ์ได้ทราบถึงสถานการณ์บ้านเมือง เพื่อให้พวกตนเองได้รับประโยชน์ ทำให้ประเทศต้องเสียหาย หรือวิปริตผิดเพี้ยนไป
 สมัยราชวงศ์ฮั่นตอนปลาย "ขันทีทั้งสิบ" ปิดหูปิดตา หลอกลวงพระเจ้าเลนเต้ จนบ้านเมืองแตกเป็นเสี่ยง สมัยสามก๊ก ในราชวงศ์สู่ฮั่น "ฮุยโฮ" ขันที ปิดหูปิดตาพระเจ้าเล่าเสี้ยน ยุยงส่งเสริมในทางที่ผิด เอาข้อมูลเท็จกรอกหูทุกวัน
     สมัยสาม ก๊กเช่นเดียวกัน ในราชวงศ์ง่อ "ยิมหุน" ขันทียิ่งแล้วใหญ่ ยุพระเจ้าซุนโฮว่า มีนิมิตรดี พระองค์จะได้ครองแผ่นดินแต่เพียงผู้เดียว ทำให้ฮ่องเต้ใจทราม นอกจากจะไม่ระวังป้องกันแล้ว ยังคะนองจะยกไปตีก๊กจิ้น ทั้งที่กำลังของฝ่ายตัวเทียบเขาไม่ได้เลย
 อย่างไรก็ตาม ต้องถือว่าขันทีเหล่านั้นบรรลุผลสำเร็จของตนเอง
 อีก เหตุการณ์หนึ่ง ที่คล้ายคลึงกับ "ศึกเซ็กเพ็ก" สมัยสามก๊กมากๆ คือใน "ยุคเหนือ-ใต้" เมื่อครั้ง "สุยเหวินตี้" ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์สุย ครองแผ่นดินทางเหนือได้หมดแล้ว ความได้เปรียบขณะนั้นอยู่ในระนาบใกล้เคียงกับ "โจโฉ" ก่อนทำสงครามภูผาแดง จะเหลือก็เพียงแต่ "แคว้นเฉิน" ทางฝั่งใต้ของแม่น้ำแยงซีเกียงเท่านั้นที่ยังแย่งยึดมาไม่ได้
       แต่ "ก๊กเฉิน" ก็เช่นเดียวกับ "ก๊กง่อ" ของซุนกวน ชัยภูมิเยี่ยม มีแม่น้ำขวางกั้น ยากที่จะตีให้แตก สุยเหวินตี้ ด้วยคำแนะนำจากกุนซือข้างกาย จึงสั่งตระเตรียมกำลังอยู่ริมชายฝั่ง ทำเสียงอึกทึก ราวกับจะยกทัพข้ามน้ำไปตีแคว้นเฉินอยู่ในวันในพรุ่ง อ๋องแคว้นเฉินเห็นดังนั้นจึงรีบตั้งการ์ด สั่งทหารเตรียมพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง จัดเวรยามเข้มงวด
       ทว่าวันเวลาผ่านไปๆ ก็ยังไม่ยกไปตีเสียที สุยเหวินตี้ยังสร้างภาพลวงไม่หยุดหย่อน สั่งให้ทหารเอาเรือรบดีๆไปหลบไว้ ที่เอามาจอดประจันหน้ามีแต่เรือรบเก่าๆผุพัง จากนั้น ทหารฝ่ายสุยส่งเสียงอึกทึกครึกโครมอีกหลายครั้ง ฝ่ายเฉินทีแรกก็สะดุ้ง แต่ตอนหลังชักชิน
      เจ้าผู้ครองแคว้นเฉินก็เข้าใจว่าฝ่ายสุยคง ไม่กล้าบุกแล้ว จึงถอนกำลังออก ลดการป้องกันเหลือแค่ระดับต่ำ เท่านั้นแหล่ะ เวลาที่ฝ่ายสุยรอคอยก็มาถึง
 สุยเหวินตี้รีบสั่งกอง ทัพซึ่งเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ล่อหลอกอยู่เป็นเดือน ยกข้ามน้ำ ตีแคว้นเฉินแตกกระเจิงทันทีในเวลาไม่กี่คืน ยึดดินแดนกังตั๋ง รวมแผ่นดินที่แยกเป็น เหนือ-ใต้ กลับเป็นหนึ่งได้สำเร็จ 
 ที่ทำได้เช่นนี้เพราะรู้จัก "ปิดฟ้า" เพื่อ "ข้ามทะเล" นั่นเอง
 อีก กรณี ในยุคราชวงศ์ซ่ง "ฉินไค่ว" ปิดหูปิดตาฮ่องเต้ซ่งเกาจง สร้างภาพให้งักฮุยเป็นกบฏ คิดทรยศ ยอดแม่ทัพที่ยกลงไปปราบอริราชศัตรูทางใต้ กำลังจะเผด็จศึกเผ่าจินได้ จึงต้องถูกเรียกตัวกลับเมืองหลวงถึง 12 ครั้ง ก่อนจะถูกประหารเจ็ดชั่วโคตร นี่คือ ฉินไคว่ "ปิดฟ้า" (ยุแยงหลอกฮ่องเต้) และ "ข้ามทะเล" (กำจัดงักฮุย กุมอำนาจแต่เพียงผู้เดียว) ได้สมใจ
 อย่าง ไรก็ตาม ต้องอย่าเข้าใจผิด "ฟ้า" ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึง "ฮ่องเต้" หรือ "ผู้นำ" แต่อย่างเดียวเท่านั้น บางครั้ง กลุ่มขุนนาง หรือคนใกล้ชิด ร่วมมือกับผู้นำในการปิดหูปิดตาราษฎร เพื่อหาผลประโยชน์ให้กับพวกพ้องของกลุ่มผู้ปกครองนั้น นั่นก็เรียกว่า "ปิดฟ้าข้ามทะเล" ได้เช่นเดียวกัน
 ดังนั้น "ฟ้า" ในที่นี้ อาจหมายถึง "ประชาชน" ก็เป็นได้
 ใน สมัยเอโดะ "อิคคิวซัง" เณรน้อยแห่งวัด "อังโคะคุจิ" ในเกียวโต ถูก "โชกุน" ขอให้หาอาหารที่อร่อยที่สุดในโลกมาให้กิน เณรน้อยเจ้าปัญญาจึงหลอกโชกุนให้ทำงานกรรมกรที่วัด ถึงขนาดให้หาบน้ำเป็นร้อยๆเที่ยว
 ที่สุดแล้ว อาหารวันนั้นมีแค่แกงจืดต้มฟักกับข้าวสวย แต่โชกุนที่กำลังเหนื่อยหอบ กลับรู้สึกว่านั่นเป็นอาหารวิเศษที่อร่อยที่สุดในโลก นั่นคือการ "ปิดฟ้าข้ามทะเล" ในแบบน่ารักๆ (เรียกว่าข้ามบ่อน้ำก็คงพอได้อยู่)
 ทีนี้ คนเดินดินอย่างเราๆ จะนำเอากลยุทธ์ "ปิดฟ้าข้ามทะเล" ไปเพื่อชนะศึกในชีวิตประจำวันได้อย่างไร คราวหน้าจะมาว่าต่อครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น